เป็นสิ่งที่ถูกปลูกฝังและเรียนรู้กันมาตั้งแต่เด็กๆ แล้วว่าป่าไม้และต้นไม้เป็นสิ่งที่สำคัญอย่างมากต่อการคงอยู่ของโลก เพราะผืนป่าเหล่านี้จะคอยผลิตก๊าซออกซิเจนเพื่อช่วยหล่อเลี้ยงให้สิ่งมีชีวิตทุกอย่างบนโลกใบนี้ยังคงสามารถใช้ชีวิตอยู่ได้อย่างปกติสุข เมื่อไหร่ก็ตามที่ก๊าซออกซิเจนน้อยลงสิ่งมีชีวิตบนโลกก็อยู่ยากกันมากขึ้น นอกจากนี้ป่าไม้ยังคงมีผลต่อสภาพอากาศของโลกให้เป็นไปอย่างปกติ ถ้าหากว่าป่าไม้ค่อยๆ ลดลงไปเรื่อยๆ สภาพอากาศของโลกก็จะเปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ ซึ่งการเปลี่ยนแปลงที่ว่าคือการเปลี่ยนแปลงในด้านที่แย่ลงและความแปรปรวนของสภาพอากาศก็เพิ่มมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

สิ่งที่เห็นได้อย่างชัดเจนที่สุดถ้าหากว่ายังคงมีการตัดไม้ทำลายป่าอยู่เรื่อยๆ นั่นก็คือโลกจะมีก๊าซออกซิเจนน้อยลง มีก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เพิ่มมากขึ้นซึ่งนำไปสู่สภาวะโลกร้อนนอกจากนี้การที่ต้นไม้ลดน้อยลงและค่อยๆ เหี่ยวเฉาตายลงไปต้นไม้ยังจะคลายก๊าซมีเทนออกซึ่งเป็นก๊าซที่ส่งผลต่อเรื่องของภาวะโลกร้อนมากกว่าก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ด้วยซ้ำ เมื่อป่าเสื่อมโทรมลงสภาพอากาศต่างๆ ที่ผันแปรอย่างที่เป็นอยู่ในทุกวันนี้ก็สามารถเกิดได้ง่ายขึ้นจากภาวะเรือนกระจก เพราะเมื่อโลกร้อนขึ้นสิ่งต่างๆ ที่เป็นผลร้ายต่อโลกก็จะตามมาไม่ว่าจะเป็นการเกิดไฟป่าที่ยิ่งเพิ่มก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ให้กับโลกมากขึ้นไปอีก การที่น้ำแข็งจากขั้วโลกละลายทำให้เกิดภาวะน้ำป่าไหลหลากเมื่อเวลาถึงฤดูฝนน้ำก็จะขึ้นสูงกว่าปกติและส่งผลกระทบต่อการเข้าท่วมบ้านเรือนในพื้นที่จุดเสี่ยงต่างๆ บนโลกใบนี้ ยิ่งในป่าขนาดใหญ่ของโลก อาทิ ป่าอะเมซอน ถ้าหากว่ามีการถูกตัดไม้ทำลายป่าเข้าไปเรื่อยๆ พื้นที่บริเวณดังกล่าวก็จะยิ่งแห้งแล้งเพิ่มมากขึ้นและในอนาคตอาจจะทำให้กลายเป็นทะเลทรายซึ่งคงเป็นเรื่องที่ไม่ดีแน่ๆ เมื่อถึงช่วงเวลาแบบนั้น ฤดูหนาวก็จะไม่หนาวมากหรืออาจจะมีช่วงเวลาที่ไม่ยาวนานอีกต่อไป สิ่งต่างๆ เหล่านี้ที่เกิดขึ้นทำให้สภาพอากาศต่างๆ ของโลกแปรปรวนไปหมดเพียงเพราะการมักง่ายตัดไม้ทำลายป่าของคนเพียงบางกลุ่ม

จากสภาวะต่างๆ ที่เกิดขึ้นยังไม่รวมไปถึงระบบนิเวศของโลกที่จะเปลี่ยนแปลงไปชนิดที่หลายๆ คนก็คงจะคาดไม่ถึง เชื่อหรือไม่ว่าขนาดแมลงตัวเล็กๆ ก็มีผลต่อการใช้ชีวิตของโลกอยู่ไม่น้อย เพราะแมลงหรือสัตว์เล็กๆ เหล่านี้จะช่วยในการย่อยสลายซากพืชซากสัตว์หรือสิ่งปฏิกูลต่างๆ ไม่ให้ทำร้ายโลกมากจนเกินไป เมื่อเป็นเช่นนี้แล้วก็ควรที่จะหันมารักษาป่าไม้กันก่อนที่จะสายเกินไปจะดีกว่า

 

สภาพภูมิอากาศของโลกโดยปกติแล้วอย่างที่เรารู้กันว่าก็จะมีช่วงฤดูกาลต่างๆ สลับสับเปลี่ยนหมุนเวียนกันไปเป็นสิ่งที่น่าทึ่งสำหรับโลกใบนี้ อย่างไรก็ตามด้วยปัจจัยแวดล้อมหลายๆ อย่างทำให้โลกของเราเองสุ่มเสี่ยงที่จะเกิดการเปลี่ยนแปลงต่อสภาพอากาศได้มากขึ้นทุกวัน และนี่คือ 10 สาเหตุสำคัญที่จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ

  1. พลังงานของดวงอาทิตย์เกิดการเปลี่ยนแปลง – ปกติแล้วดวงอาทิตย์จะแผ่รังสีความร้อนมายังโลกแต่เมื่อไม่สามารถที่จะดึงความร้อนนั้นกลับออกไปได้จากปัญหาก๊าซเรือนกระจกทำให้ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศอย่างที่เห็นกันอยู่ในปัจจุบัน
  2. การระเบิดขึ้นของภูเขาไฟ – เมื่อเกิดการระเบิดขึ้นพวกเถ้าถ่าน ก๊าซในภูเขาไฟ ฝุ่นละอองต่างๆ จะถูกปลดปล่อยสู่ชั้นบรรยากาศเป็นจำนวนมากซึ่งส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศของโลกอย่างชัดเจน
  3. การใช้พลังงานของมนุษย์มากเกินความจำเป็น – ยิ่งใช้พลังงานมากเท่าไหร่ก๊าซที่ถูกปล่อยออกไปสู่ชั้นบรรยากาศของโลกก็ยิ่งมีมากขึ้น ส่งผลให้เกิดภาวะต่างๆ ของสภาพภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ยิ่งใช้มากอากาศก็เปลี่ยนแปลงมาก
  4. การเจริญเติบโตของอุตสาหกรรม – ถือว่าการใช้พลังงานในครัวเรือนดูด้อยไปเลยเมื่อเจอกับการใช้พลังงานของระบบอุตสาหกรรมซึ่งเป็นตัวแปรสำคัญเช่นเดียวกันในการทำให้โลกมีสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงไป
  5. การตัดไม้ทำลายป่า – นี่ก็จัดเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงของโลก เพราะยิ่งต้นไม้ลดน้อยลงก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ก็จะมีเพิ่มมากขึ้น และส่งผลทำให้เกิดภาวะโลกร้อนและสภาพภูมิอากาศของโลกก็เปลี่ยนแปลงไป
  6. การบุกรุกพื้นที่ธรรมชาติ – ไม่ว่าจะเป็นป่าไม้หรือทะเลยิ่งมีมนุษย์บุกรุกเข้าไปมากเท่าไหร่ก็เท่ากับว่าทำลายความเป็นธรรมชาติมากขึ้นและส่งผลทำให้สภาพอากาศเปลี่ยนแปลง
  7. เกี่ยวกับการขนส่งและยานพาหนะ – ก๊าซพิษจากท่อไอเสียในยานพาหนะประเภทต่างๆ ส่งผลโดยตรงเช่นเดียวกันกับภาวะโลกร้อนและสภาพอากาศซึ่งเป็นอันตรายอย่างมากในอนาคตที่แนวโน้มการใช้ยานพาหนะเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
  8. การเปลี่ยนแปลงในด้านของระบบการเกษตร – การใช้ยาฆ่าแมลงเพิ่มมากขึ้น หรือการใช้เครื่องจักรในการทำการเกษตรมากขึ้นก็ส่งผลให้เกิดก๊าซเสียที่ส่งผลกระทบต่อชั้นบรรยากาศของโลกด้วยเช่นเดียวกัน
  9. การใช้ผลิตภัณฑ์ที่ย่อยสลายยาก – ไม่วาจะเป็นพลาสติกหรือโฟมเมื่อใช้แล้วไม่สามารถย่อยลลายได้ในทันทีก็จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของโลกที่แย่ลงเรื่อยๆ
  10. พฤติกรรมที่เห็นแก่ตัว – สิ่งที่กล่าวมาทั้งหมดนี้มันเริ่มต้นมาจากความเห็นแก่ตัวและต้องการความสะดวกสบายของมนุษย์ด้วยกันทั้งสิ้น ยิ่งมีมากเท่าไหร่ก็ยิ่งทำให้สภาพอากาศของโลกเปลี่ยนแปลงไปมากเท่านั้น

บรรยากาศของโลกเรานั้น มีการหมุนเวียนกันอยู่ตลอดเวลาอยู่ที่ว่าการเปลี่ยนแปลงในลักษณะนั้นๆ จะยาวหรือสั้นแค่นั้นเอง ตัวอย่างสิ่งที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของบรรยากาศ เช่น การระเบิดภูเขาไฟ ทำให้การเปลี่ยนแปลงของบรรยากาศเดือนเดียว การพุ่งชนของดาวเคราะห์ หรืออุกาบาตร ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงถึง 25 ปี รวมไปถึงการเคลื่อนที่ของทวีป และการเปลี่ยนแปลงของพระอาทิตย์ก็เช่นเดียวกันอาจจะเกิดภายในพันปี ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนมีที่มาทั้งหมด มีอายุในการหมุนเวียนในแต่ระรอบของตัวมันเอง

Ocean

ปัจจัยอะไรบ้างที่ส่งผลกระทบต่อภูมิอากาศ

ปัจจัยที่ทำให้อากาศของโลกเรานั้นมีการเปลี่ยนแปลง เช่น พลังงานจากดวงอาทิตย์ และวงโคจรของโลก ส่วนปัจจัยานในได้แก่ ก๊าซในชั้นบรรยากาศ การเปลี่ยนแปลงของผิวโลกพอสรุปรวมได้ดังต่อไปนี้

  • พลังงานจากดวงอาทิตย์
  • วงโคจรของโลกรอบดวงอาทิตย์
  • องค์ประกอบอื่นๆของบรรยากาศ
  • น้ำในแม่น้ำของมหาสมุทร
  • ขั้วโลกเหนือที่มีน้ำแข็งมาก
  • เปลือกโลก

ทุกสิ่งที่กล่าวมานั้นคือปัจจัยที่อยู่ภายนอกโลกที่สามารถทำให้ชั้นบรรยากาศในโลกของเรานั้นเกิดการเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา

ลักษณะของการเปลี่ยนแปลงที่เกิดจากดวงอาทิตย์ พลังงานที่เกิดจากดวงอาทิตย์ส่งผลต่อโลกของเรา ด้วนอุณหภูมิความร้อนที่ไม่คงที่ ลักษณะของดวงอาทิตย์ขยายตัวขึ้นใหญ่ ทำให้เกิดการเผาไหม้ก๊าซไฮโดรเจนที่อยู่ภายใน เมื่อผิวของดวงอาทิตย์ใหญ่ขึ้น แสงสว่างมากขึ้น ทำให้ความร้อนนั้นมากขึ้นไปด้วยเช่นกัน

น้ำในมหาสมุทร เป็นอีกหนึ่งตัวแปลที่มีส่วนทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงสภาพของภูมิอากาศ ความชื้นในอากาศ น้ำจากมหาสมุทร ไปจนถึงความเค็มของน้ำทะเล มีส่วนสร้างให้เกิดประจุเผาไหม้ของความร้อนที่เกิดขึ้นจากธรรมชาติโดยแท้จริง ผลกระทบต่อภูมิอากาศบนพื้นทวีปโดยตรง ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงอากาศของโลกเราด้วยระยะเวลา 500 – 2,000 ปี